ในการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Forex ทองคำ หรือคริปโต การตั้ง Take Profit (TP) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารกำไรและความเสี่ยง โดยทั่วไปแล้ว TP มักถูกตั้งเป็นจุดเดียวกันสำหรับทุกออเดอร์ในพอร์ต โดยเฉพาะในระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ที่มักมีการปิดออเดอร์ทั้งหมดพร้อมกันเพื่อทำกำไร ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัด เช่น ออเดอร์ที่ควรทำกำไรได้มากกว่าถูกปิดเร็วเกินไป หรือออเดอร์ใหม่ที่กำไรอยู่ แต่ปิดไม่ได้เพราะต้องรอหักลบกำไร-ขาดทุนของออเดอร์เก่า ทำให้การบริหารพอร์ตยุ่งยากขึ้น
ด้วยปัญหายิบย่อยเหล่านี้ ทำให้ EA Thailand ได้พัฒนาระบบ “TP Per Order” ขึ้นมา เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเห็นจุด TP แยกกันสำหรับแต่ละออเดอร์ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องให้ทุกออเดอร์ขึ้นอยู่กับจุดทำกำไรเดียวกัน ทำให้บริหารพอร์ตได้ยืดหยุ่นขึ้น และปรับตัวเข้ากับตลาดได้ดีขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก TP Per Order ว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไมถึงต้องมีระบบนี้ขึ้นมาในการเทรดด้วย
TP Per Order คืออะไร?
TP Per Order คือ ระบบที่ให้แต่ละออเดอร์มีจุดทำกำไร (Take Profit – TP) ของตัวเอง แยกออกจากกันอย่างชัดเจน ต่างจากระบบ TP แบบเดิมที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งกำหนดจุด TP เดียวกันสำหรับทุกออเดอร์ (โดยเฉลี่ยตามออเดอร์ทั้งหมด) เช่น หากมีหลายออเดอร์เปิดอยู่ใน EA Thailand ระบบจะกำหนดจุด TP เฉลี่ยร่วมกัน ทำให้ต้องรอให้ออเดอร์ทั้งหมดถึงจุดทำกำไรพร้อมกันก่อนปิด
แต่ในทางตรงกันข้าม TP Per Order จะแสดงจุดทำกำไรของแต่ละออเดอร์แยกออกจากกัน เทรดเดอร์สามารถเห็นได้ว่า ออเดอร์ไหนถึงจุดทำกำไรที่ตั้งไว้ และเมื่อออเดอร์ใดแตะจุด TP นั้น ระบบจะปิดเฉพาะออเดอร์นั้นโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอให้ทุกออเดอร์ถึงจุดทำกำไรเฉลี่ย (TP Average)

ซึ่งการทำงานของ TP Per Order นั้นเข้าใจได้ง่ายมาก เพียงเข้าไปยังในส่วนของ Setting บนหน้า Dashboard ของ EA Thailand แล้วเลื่อนลงมายังในส่วนของ “Switch ( TP Average Orders / TP Per Order ) Settings” แล้วการตั้งค่าจะมีแค่ 2 รูปแบบเลยคือ
- true – เปิดใช้งาน TP Average (คำนวณจุดทำกำไรโดยเฉลี่ยจากทุกออเดอร์)
- false – เปิดใช้งาน TP Per Order (กำหนดจุดทำกำไรแยกตามแต่ละออเดอร์)

ทำไมถึงต้องมีระบบ TP Per Order

สำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) หรือเปิดหลายออเดอร์พร้อมกันในพอร์ตเดียว การตั้ง Take Profit (TP) แบบรวมมักเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พบเห็นได้บ่อย เพราะต้องรอให้ออเดอร์ทั้งหมดถึงจุดทำกำไรพร้อมกันถึงจะปิดรวบออเดอร์ได้ ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้พลาดโอกาสทำกำไรบางส่วนไปได้ โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์สายเทรดระยะสั้นที่เน้นเก็บกำไรระยะสั้น
ลองนึกภาพง่าย ๆ ว่า คุณเปิดออเดอร์หลายไม้ในจุดที่ราคาต่างกัน บางออเดอร์ไปถึงจุดทำกำไรที่ต้องการได้แล้ว แต่ดันต้องรอออเดอร์อื่น ๆ ที่ยังไม่ถึงจุด TP ทำให้ต้องปล่อยให้กำไรของออเดอร์นั้นหายไปต่อหน้าต่อตา หรือแย่กว่านั้นคือ ตลาดอาจกลับตัวก่อนออเดอร์ทั้งหมดจะปิด จนทำให้กำไรที่ควรจะได้กลายเป็นขาดทุน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์หลาย ๆ คนไม่อยากเจออย่างแน่นอน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ “TP Per Order” ถึงต้องมีในระบบการเทรดอัตโนมัติ (EA) เพราะระบบนี้ช่วยให้แต่ละออเดอร์มีจุดทำกำไรของตัวเอง ปิดทำกำไรได้โดยไม่ต้องรอออเดอร์อื่น ๆ ทำให้สามารถ “ล็อกกำไร” ของแต่ละออเดอร์ได้ทันทีที่ราคาถึงเป้าหมาย ลดโอกาสที่กำไรจะหายไป และช่วยให้การบริหารพอร์ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เทรดเดอร์สามารถเข้า – ออกจากตลาดได้ในจังหวะที่เหมาะสมโดยไม่ต้องรอให้ทุกออเดอร์ถึงจุด TP พร้อมกัน
ซึ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเก็บทำกำไรแบบรวดเร็ว ไม่ต้องรอรวบไม้ ระบบ TP Per Order จะเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์สุด ๆ เพราะมันช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมกลยุทธ์เข้า – ออกการเทรดได้อย่างอิสระ ป้องกันการปิดทำกำไรช้า และทำให้การเทรดหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของ TP Per Order ที่ควรรู้ก่อนใช้เทรดจริง

แม้ว่า TP Per Order จะดูเป็นระบบที่น่าใช้งานสำหรับเทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากออเดอร์ได้ในระยะสั้น ๆ อย่างรวดเร็ว และลดความยุ่งยากจากการรอปิดออเดอร์พร้อมกันทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับเทรดเดอร์ทุกคนเสมอไป ก่อนจะไปนำไปใช้กับการเทรดจริง คุณควรรู้ข้อจำกัดบางอย่างของระบบนี้ก่อนด้วยเช่นกัน
- เปิดใช้งานระบบ TP ได้แค่อันใดอันหนึ่งเท่านั้น
ในการตั้งค่า TP ของ EA Thailand จะมีให้เลือกเพียง 2 รูปแบบ เลยคือ TP Average Order ( แสดงจุดทำกำไรแบบเฉลี่ยของออเดอร์ทั้งหมด) และ TP Per Order (แสดงจุดทำกำไรของแต่ละออเดอร์แยกกัน)
เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้งานได้เพียงระบบใดระบบหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถเปิดใช้งานทั้งสองระบบพร้อมกันได้ ตัวอย่างเช่น หากเลือกใช้ TP Per Order ระบบจะไม่คำนวณ TP แบบเฉลี่ย (TP Average) และจะใช้การปิดกำไรแบบแยกออเดอร์เท่านั้น และในทางกันข้าม ถ้าเลือกใช้การคำนวณแบบ TP Average ก็จะไม่สามารถใช้งานการคิดจุดกำไรแบบแยกแต่ละออเดอร์ได้ - ต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงให้ดีขึ้น
การใช้ TP Per Order อาจช่วยให้เทรดเดอร์บางคนปิดทำกำไรจากออเดอร์บางไม้ได้เร็วขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง เพราะเมื่อออเดอร์บางส่วนถูกปิดไปก่อน แต่ออเดอร์ที่เหลือยังคงเปิดค้างอยู่ หากตลาดเคลื่อนตัวผิดทางขึ้นมา อาจทำให้พอร์ตติดลบได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งต่างจาก TP Average ที่เมื่อถึงจุดทำกำไร ทุกออเดอร์จะถูกปิดพร้อมกัน ทำให้ควบคุมผลกำไร – ขาดทุนได้ง่ายกว่า
ดังนั้นเทรดเดอร์ที่เลือกใช้ TP Per Order ควรแผนบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้ออเดอร์ที่ยังเปิดค้างอยู่กระทบกับพอร์ตมากจนเกินไป ควรใช้เครื่องมือบางอย่างมาเสริมด้วย เช่น Trailling Stop หรือ Stop Loss (SL) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น - เสี่ยงต่อการเปิดออเดอร์มากเกินไป
TP Per Order ทำให้เทรดเดอร์สามารถปิดทำกำไรในแต่ละออเดอร์ได้อย่างอิสระ ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้เกิด “ความมั่นใจมากเกินไป” จนเผลอเปิดออเดอร์มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีการตั้ง Stop Loss (SL) หรือไม่ได้คำนวณ Risk Management (การบริหารความเสี่ย) อย่างเหมาะสม หากตลาดไม่เป็นไปตามแผน ออเดอร์ที่เปิดไว้จำนวนมากอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำให้พอร์ตขาดทุนหนักได้แทนที่จะทำกำไร
ดังนั้นก่อนใช้งาน TP Per Order เทรดเดอร์ควรกำหนดจำนวนออเดอร์ที่เปิดอย่างเหมาะสม ไม่ควรเปิดออเดอร์เยอะจนคุ้มไม่ได้ และต้องตั้ง SL หรือเงื่อนไขในการปิดออเดอร์บางอันไว้ เพื่อลดความเสี่ยงหากตลาดเกิดการผันผวนอย่างกะทันหัน - ไม่ได้เหมาะกับทุกกลยุทธ์การเทรดเสมอไป
แม้ว่า TP Per Order จะเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ชอบเน้นปิดทำกำไรได้ง่าย ๆ สั้น ๆ และรวดเร็ว แต่สำหรับบางกลยุทธ์ เช่น Martingale หรือ Hedging ที่ต้องอาศัยการบริหารพอร์ตแบบภาพรวมและใช้ TP Average เพื่อรักษาสมดุล ระบบ TP Per Order อาจทำให้แผนการเทรดเหล่านี้ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ เช่น การปิดทำกำไรบางออเดอร์ไปก่อน ทำให้ระบบที่ต้องปิดรวบออเดอร์ทั้งหมดไม่สามารถทำได้ตามแผน
ดังนั้นเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ TP Per Order ควรทดสอบใช้กลยุทธ์การเทรดกับบัญชีเดโม่ (Demo) ก่อน หรือทดลองใช้กับล็อตเล็ก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันเหมาะกับกลยุทธ์และสไตล์การเทรดที่ใช้อยู่ โดยไม่ทำให้พอร์ตเสียสมดุลมากกว่าการใช้แบบ TP Average
บทสรุป
สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ เลยคือ TP Per Order เป็นระบบที่ทาง EA Thailand ใส่เข้ามาในระบบการเทรดอัตโนมัติ (EA) เพื่อให้เทรดเดอร์ทั้งหลายสามารถเปิดทางเลือกในกลยุทธ์และสไตล์การเทรดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยช่วยให้แต่ละออเดอร์มีจุด TP แยกกันอย่างชัดเจน และไม่ต้องรอให้ทุกออเดอร์ถึงจุด TP Average พร้อมกัน ด้วยสิ่งนี้ทำให้การเทรดนั้นมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และช่วยให้สามารถปรับใช้ได้กับกลยุทธ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีระบบไหนที่รับประกันการทำกำไรได้แบบ 100 % เสมอไป TP Per Order เองก็เช่นกัน มันเป็นเพียงเครื่องมือที่มาช่วยเพิ่มตัวเลือกในการเทรดอัตโนมัติให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่การทำกำไรก็ยังขึ้นอยู่กับการวางแผน การบริหารความเสี่ยง และสไตล์การเทรดของแต่ละคน ดังนั้นก่อนใช้งานควรศึกษาหรือทดลองใช้ให้เข้าใจก่อนเสมอ เพราะทุกระบบหรือทุกรูปแบบการเทรดย่อมมีข้อดี และข้อเสียควบคู่มาด้วยเสมอ