หน้า Dashboard (Overview) ของ EA Thailand จะแสดงค่าสถานะเกี่ยวกับการเทรด และด้านการเงินในบัญชีเทรดของคุณเป็นหลัก โดยรายละเอียดแต่ละส่วนมีดังนี้
1. Acc. Balance / Equity : แสดงยอดเงินในบัญชีเทรด / ยอดเงินที่หักลบกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่ได้ปิดออเดอร์
2. Acc. DD% – Account Drawdown Percentage แสดงเปอร์เซ็นต์การลดลง / เพิ่มขึ้นของยอดเงินในบัญชีเทรดเมื่อเทียบกับยอดเงินสูงสุดที่เคยมี
3. Magin Level (%) – อัตราส่วนระหว่าง Equity กับ Margin ที่ใช้ไป คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ ใช้บอกสถานะบัญชีเทรด
4. Today Lot : แสดง Lot ของออเดอร์ที่ปิดได้ในแต่ละวัน
5. Today Lot – แสดง Lot ของออเดอร์ที่ปิดได้ในแต่ละวัน
6. Weekly Lot : แสดง Lot ของออเดอร์ที่ปิดได้ในแต่ละสัปดาห์
7. Monthly Lot : แสดง Lot ของออเดอร์ที่ปิดได้ในแต่ละเดือน
8. Spread : แสดงค่าส่วนต่างของ ราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ของสินทรัพย์ที่ทำการเทรด
Manual Trade ของ EA Thailand ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถออกคำสั่งซื้อ – ขายออเดอร์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการกดออเดอร์ซื้อ (Buy) หรือออเดอร์ขาย (Sell) และยังมีส่วนคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Orders) ให้ใช้งานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Buy Stop / Buy Limit และ Sell Limit / Sell Stop
นอกจากนี้ยังมีส่วนของการแสดงยอดกำไรและขาดทุน รวมไปถึงจำนวนออเดอร์ และขนาดของออเดอร์ (Lot) ที่เปิดอยู่ในขณะนั้นด้วย โดยคุณสามารถกำหนดค่า TP (Take Profit) และค่า SL (Stop Loss) ของออเดอร์ทั้งหมดได้ เพื่อให้เครื่องมือจัดการปิดออเดอร์ซื้อขายเมื่อถึงยอดที่กำหนด
1. LOT SIZE : กำหนดขนาดออเดอร์ (Lot) ที่ต้องการออกออเดอร์ ซื้อ – ขาย (Buy / Sell) โดยกำหนดได้ต่ำสุดคือ 0.01
2. BUY : ปุ่มคำสั่งออกออเดอร์ซื้อ (Buy)
3. SELL : ปุ่มคำสั่งออกออเดอร์ขาย (Sell)
4. ใส่ระยะ TP : กำหนดจุดที่เทรดเดอร์ต้องการปิดการเทรดเพื่อทำกำไร (Take Profit) เมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้
5. ใส่ระยะ SL : กำหนดจุดที่เทรดเดอร์ต้องการปิดการเทรดเพื่อลดการขาดทุน (Stop Loss) เมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้
6. CLEAR TP : ปุ่มคำสั่งสำหรับยกเลิกการใช้ระยะ TP (Take Profit)
7. CLEAR SL : ปุ่มคำสั่งสำหรับยกเลิกการใช้ระยะ SL (Stop Loss)
1. LOT SIZE : กำหนดขนาดออเดอร์ (Lot) ที่ต้องการจะทำการซื้อ – ขายล่วงหน้า (Pending Orders) โดยกำหนดได้ต่ำที่สุดคือ 0.01
2. BUY STOP : การตั้งคำสั่งซื้อ (Buy) ล่วงหน้า โดยจะเปิดออเดอร์ทันทีเมื่อราคาของสินทรัพย์ขึ้นไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ในช่องตัวเลข ซึ่งเปิดตามจำนวน LOT SIZE ที่กำหนด
3. BUY LIMIT : การตั้งคำสั่งซื้อ (Buy) ล่วงหน้า โดยจะเปิดออเดอร์ทันทีเมื่อราคาของสินทรัพย์ลงไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ในช่องตัวเลข ซึ่งเปิดตามจำนวน LOT SIZE ที่กำหนด
4. SELL LIMIT : การตั้งคำสั่งขาย (Sell) ล่วงหน้า โดยจะเปิดออเดอร์ทันทีเมื่อราคาของสินทรัพย์ขึ้นไปถึงจุดที่เารตั้งไว้ในช่องตัวเลข ซึ่งเปิดตามจำนวน LOT SIZE ที่กำหนด
5. SELL STOP : การตั้งคำสั่งขาย (Sell) ล่วงหน้า โดยจะเปิดออเดอร์ทันทีเมื่อราคาของสินทรัพย์ลงไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ในช่องตัวเลข ซึ่งเปิดตามจำนวน LOT SIZE ที่กำหนด
1. Close All : ปุ่มคำสั่งสำหรับปิดออเดอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นออเดอร์ Buy / Sell โดยตัวเลขจะแสดงผลลัพธ์เป็นยอดเงินสุทธิ หลังจากหักลบกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ทั้งหมดที่เปิดอยู่
2. Close Buy : ปุ่มคำสั่งสำหรับปิดออเดอร์ Buy ทั้งหมด โดยตัวเลขจะแสดงผลลัพธ์เป็นยอดเงินสุทธิ หลังจากหักลบกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ Buy ทั้งหมดที่เปิดอยู่
3. Close Sell : ปุ่มคำสั่งสำหรับปิดออเดอร์ Sell ทั้งหมด โดยตัวเลขจะแสดงผลลัพธ์เป็นยอดเงินสุทธิ หลังจากหักลบกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ Sell ทั้งหมดที่เปิดอยู่
4. Close + : ปุ่มคำสั่งสำหรับปิดออเดอร์ทั้งหมดที่ทำกำไรเอาไว้ โดยตัวเลขจะแสดงผลลัพธ์เป็นยอดเงินสุทธิ หลังจากหักลบกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ทั้งหมดที่เปิดอยู่
5. Close – : ปุ่มคำสั่งสำหรับปิดออเดอร์ทั้งหมดที่กำลังขาดทุนอยู่ โดยตัวเลขจะแสดงผลลัพธ์เป็นยอดเงินสุทธิ หลังจากหักลบกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ทั้งหมดที่เปิดอยู่
6. Lot / Order (Buy) : แสดงขนาดของออเดอร์ (Lot) และจำนวนของออเดอร์ Buy ทั้งหมดที่เปิดอยู่
7. Lot / Order (Sell) : แสดงขนาดของออเดอร์ (Lot) และจำนวนของออเดอร์ Sell ทั้งหมดที่เปิดอยู่
1. TP (หน่วยเงิน) : กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการทำกำไร (Take Profit) และทำการปิดออเดอร์ Buy / Sell ทั้งหมด เมื่อออเดอร์ทั้งหมดทำกำไรถึงจุดที่กำหนดเอาไว้ได้ โดยคำสั่งนี้จะเปิดใช้งานได้เมื่อกดปุ่ม OFF > ON
2. TP (%) : กำหนดเปอร์เซ็นต์ (%) ที่ต้องการทำกำไร (Take Profit) โดยอ้างอิงยอดเงินในบัญชีเทรด (Acc. Balance) และทำการปิดออเดอร์ Buy / Sell ทั้งหมด เมื่อออเดอร์ทั้งหมดทำกำไรถึงจุดที่กำหนดเอาไว้ได้ โดยคำสั่งนี้จะเปิดใช้งานได้เมื่อกดปุ่ม OFF > ON
3. SL (หน่วยเงิน) : กำหนดจำนวนเงินการขาดทุน (Stop Loss) และทำการปิดออเดอร์ Buy / Sell ทั้งหมด เมื่อออเดอร์ทั้งหมดทำยอดขาดทุนถึงจุดที่กำหนดเอาไว้ โดยคำสั่งนี้จะเปิดใช้งานได้เมื่อกดปุ่ม OFF > ON
4. SL (%) : กำหนดเปอร์เซ็นต์ (%) การขาดทุน (Stop Loss) โดยอ้างอิงยอดเงินในบัญชีเทรด (Acc. Balance) และทำการปิดออเดอร์ Buy / Sell ทั้งหมด เมื่อออเดอร์ทั้งหมดถึงจุดขาดทุนที่กำหนดเอาไว้ โดยคำสั่งนี้จะเปิดใช้งานได้เมื่อกดปุ่ม OFF > ON
*** เมื่อทำการตั้งค่า TP / SL ทั้งในรูปแบบของตัวเลขและเปอร์เซ็น (%) เอาไว้ทั้งคู่ และเปิด ON พร้อมกัน หากจำนวนเงินไหนถึงจุดที่กำหนดไว้ก่อน จะทำการปิดออเดอร์ทั้งหมดก่อนทันที
ยกตัวอย่างเช่น บัญชีเทรดของนาย A ทำการตั้งค่า TP ไว้ที่ 10 USD และตั้งค่า TP ไว้ที่ 1% ในขณะที่บัญชีมียอดเงิน (Acc. Balance) ที่ 10,000 USD (ค่า TP 1% = 100 USD) หากออเดอร์ทั้งหมดทำกำไรถึง 10 USD ออเดอร์ทั้งหมดจะถูกทำการปิดทันที เพื่อทำยอดกำไรที่กำหนดเอาไว้ โดยการตั้งค่า TP ไว้ที่ 1% จะไม่มีผลแต่อย่างใด
Auto Trade ของ EA Thailand ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุน / เทรดเดอร์ สามารถออกออเดอร์ซื้อ – ขาย (Buy/Sell) ได้ง่าย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจอเพื่อออเดอร์เอง
นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์การเทรด ในรูปแบบการแก้ไม้ให้เลือกทั้ง Anti-Martingale / Martingale และ Zone recovery ให้เลือกใช้งาน รวมไปถึงมีการตั้งค่าแก้ไม้ทั้งในส่วนหน่วยของ Timeframe และ Grid ให้เลือกได้ในแบบที่คุณต้องการ พร้อมรองรับระบบ Trailing Stop ที่จะมาคอยช่วยให้การเทรดของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
1. Sideway Trend / AUTO ALL : คือปุ่มคำสั่งในการเปิดออเดอร์ Buy และ Sell โดยอัตโนมัติ เพื่อรองรับในสภาวะตลาด Sideway
2. Up Trend / AUTO BUY : คือปุ่มคำสั่งในการเปิดออเดอร์ Buy อัตโนมัติเพียงอย่างเดียว เพื่อรองรับในสภาวะตลาด Up Trend
3. Down Trend / AUTO SELL: คือปุ่มคำสั่งในการเปิดออเดอร์ Sell อัตโนมัติเพียงอย่างเดียว เพื่อรองรับในสวาะตลาด Down Trend
ฟีเจอร์นี้เชื่อมโยงกับการทำงานของระบบ Auto Trade ใน EA Thailand โดยตรง ดังนั้น หากคุณต้องการใช้งาน Auto Trade แนะนำให้เข้าไปตรวจสอบและตั้งค่าในส่วนนี้ให้เรียบร้อยก่อนใช้งาน
1. Anti-Martingale ตามไม้ : ปุ่มคำสั่ง เปิด – ปิด สำหรับกลยุทธ์การเทรดอัตโนมัติ (Auto Trade) ที่เน้นการเพิ่มขนาดการเทรด (Lot Size) เมื่อได้กำไร และลดขนาดลงเมื่อขาดทุน โดยคำสั่งนี้จะเปิดใช้งานได้เมื่อกดปุ่มเป็น Anti-Martingale ตามไม้ ON
2. Martingale แก้ไม้ : ปุ่มคำสั่ง เปิด – ปิด สำหรับกลยุทธ์การเทรดอัตโนมัติ (Auto Trade) ที่เน้นการเพิ่มขนาดการเทรด (Lot Size) ทุกครั้งที่ขาดทุน โดยหวังว่าการกำไรในครั้งถัดไปจะชดเชยการขาดทุนทั้งหมดและได้กำไรมาทดแทน (เล็กน้อย) โดยคำสั่งนี้จะเปิดใช้งานได้เมื่อกดปุ่มเป็น Martingale แก้ไม้ ON
*** Anti-Martingale และ Martingale จะเปิดใช้งานได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้งานทั้งสองตัวพร้อมกันได้ แต่ผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มเป็น OFF เพื่อไม่ใช้งานกลยุทธ์การเทรดของทั้งสองตัวได้ด้วยเช่นกัน
3. Grid / Timeframe : ปุ่มกดสำหรับเลือกการออกออเดอร์อัตโนมัติ (Auto Trade) ว่าจะอ้างอิงตามหน่วย Grid ในหน้ากราฟ หรือตามหน่วย Timeframe โดยเลือกใช้ได้เพียงแต่ตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น
4. ระยะถัวไม้ BUY : การกำหนดจุดระยะการออกไม้ หรือออเดอร์ Buy ตามกลยุทธ์การเทรด (Anti-Martingale / Martingale) ที่เลือกใช้งาน
5. ระยะถัวไม้ SELL : การกำหนดจุดระยะการออกไม้ หรือออเดอร์ Sell ตามกลยุทธ์การเทรด (Anti-Martingale / Martingale) ที่เลือกใช้งาน
6. MULTI LOT BUY : การเพิ่มขนาดของการเทรด (Lot Size) ของออเดอร์ Buy ตามกลยุทธ์การเทรด (Anti-Martingale / Martingale) ที่เลือกมา
7. MULTI LOT SELL: การเพิ่มขนาดของการเทรด (Lot Size) ของออเดอร์ Sell ตามกลยุทธ์การเทรด (Anti-Martingale / Martingale) ที่เลือกมา
8. ระยะ TP BUY : กำหนดจุดที่ต้องการปิดการเทรดของออเดอร์ Buy ทั้งหมดที่ Auto Trade เปิดให้เพื่อทำกำไร (Take Profit) เมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้
9. ระยะ TP SELL : กำหนดจุดที่ต้องการปิดการเทรดของออเดอร์ Sell ทั้งหมดที่ Auto Trade เปิดให้เพื่อทำกำไร (Take Profit) เมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้
10. ระยะ SL BUY : กำหนดจุดที่ต้องการปิดการเทรดของออเดอร์ Buy ทั้งหมดที่ Auto Trade เปิดไว้ เพื่อป้องกันการขาดทุน (Stop Loss) เมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้
11. ระยะ SL SELL : กำหนดจุดที่ต้องการปิดการเทรดของออเดอร์ Sell ทั้งหมดที่ Auto Trade เปิดไว้ เพื่อป้องกันการขาดทุน (Stop Loss) เมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้
*** การใส่ตัวเลขต่าง ๆ ในส่วนนี้จะเชื่อมโยงการทำงาน Auto Trade โดยตรง โดยอ้างอิงตามกลยุทธ์การเทรด (Anti-Martingale / Martingale) ที่เลือกใช้งาน
*** คำเตือน สำหรับช่อง MULTI LOT BUY / MULTI LOT SELL เราไม่แนะนำให้ตั้งค่าต่ำกว่า 1.00 เนื่องจากเมื่อใช้กลยุทธ์การเทรดแบบ Anti-Martingale หรือ Martingale ที่เน้นการเพิ่มขนาดการเทรด (Lot Size) ขนาดออเดอร์ที่ถูกแก้ไขในแต่ละครั้งจะลดลงเรื่อย ๆ จนถึงขั้นต่ำที่ 0.01 Lot และจะไม่มีการแก้ไขออเดอร์เพิ่มเติม ซึ่งทำให้การปิดออเดอร์อัตโนมัติเป็นไปได้ยากขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับบัญชีเทรดจนเกิดภาวะ ‘พอร์ตแตก’ ได้
1. Trailing Stop : ปุ่มคำสั่ง เปิด – ปิด การเทรดแบบ Trailing Stop
2. TSL เริ่มทำงาน : กำหนดจุดระยะที่คำสั่ง Trailing Stop Loss (TSL) จะเริ่มทำงาน
3. Follow ตาม TSL : กำหนดระยะของ Stop Loss (SL) ให้เลื่อนตามราคาสินทรัพย์ที่ขยับขึ้นในทิศทางที่ทำกำไร เมื่อ Trailing Stop Loss (TSL) ถูกเปิดใช้งาน SL จะถูกปรับขึ้นตาม TSL โดยอัตโนมัติในทุกครั้งตามระยะที่กำหนด
4. SL ห่างจาก TSL : กำหนดระยะห่างระหว่าง Stop Loss (SL) กับราคาปัจจุบันที่ Trailing Stop (TSL) เลื่อนตามไป ยกตัวอย่างเช่น เช่น นาย A ตั้งระยะ SL ห่างจาก TSL 20 จุด ระบบจะทำการเลื่อน SL ให้อยู่ห่างจากราคาปัจจุบัน 20 จุด เสมอ
Hedging คือ กลยุทธ์ในการลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด โดยการเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) และขาย (Sell) ในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) อยู่ เมื่อใช้กลยุทธ์ Hedging ก็จะเปิดออเดอร์ขาย (Sell) เพื่อลดการขาดทุนจากตำแหน่งหนึ่ง และถูกชดเชยด้วยกำไรจากอีกตำแหน่งหนึ่ง
การทำงานของ Hedging คือวิธีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการเปิดออเดอร์ที่ตรงกันข้ามกับออเดอร์เดิม เช่น หากมีการเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) ก็จะเปิดออเดอร์ขาย (Sell) ในรูปแบบของ Hedging เพิ่มเข้ามา โดยตัวออเดอร์นี้จะใช้กลยุทธ์แบบ Anti-Martingale ที่เน้นการแก้ไม้เพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด ซึ่งหากราคาวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม ออเดอร์ Hedging ก็ยังมีโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน
*** ควรกำหนดค่า TP (USD) หรือ TP (%) แทน เพื่อทำการรอรวบ Order ทั้ง 2 ฝั่ง
*** สามารถเพิ่มออเดอร์ได้ในส่วนของ Manual Trade ขณะที่ Hedging กำลังทำงานอยู่ได้ แต่การเพิ่มออเดอร์จะทำให้ความเสี่ยงในการเทรดเพิ่มขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
*** เมื่อ Hedging ทำงานแล้ว ระบบ Trailing Stop จะหยุดทำงานทันที
*** Hedging จะไม่ทำงาน หากมีการเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) และขาย (Sell) อยู่ในเวลาเดียวกัน
*** การแก้ไม้ของ Hedging จะไม่ทำตาม Order Group Step ที่ตั้งค่าเอาไว้
การแก้ไม้ของออเดอร์ในส่วนของ Hedging จะอ้างอิงค่าตามหน้า Dashboard ในส่วนนี้
โดยการทำงานของ Hedging System จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบที่สามารถเลือกใช้งานได้
Hedging Manual คือ คำสั่งการกดเพื่อใช้ Hedging กลยุทธ์ลดความเสี่ยงด้วยตัวเอง โดยสามารถเลือกขนาดของออเดอร์ (Lot Size) ที่จะเปิดในตำแหน่งตรงกันข้าม โดยอ้างอิงขนาดของออ เดอร์ (Lot Size) ทั้งหมดที่เปิดอยู่ ซึ่งมีให้เลือกจะมีตั้งแต่ 10% – 100% ของขนาดออเดอร์ทั้งหมดที่เปิดอยู่
การทำงานของ Hedging คือวิธีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการเปิดออเดอร์ที่ตรงกันข้ามกับออเดอร์เดิม เช่น หากมีการเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) ก็จะเปิดออเดอร์ขาย (Sell) ในรูปแบบของ Hedging เพิ่มเข้ามา โดยตัวออเดอร์นี้จะใช้กลยุทธ์แบบ Anti-Martingale ที่เน้นการแก้ไม้เพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด ซึ่งหากราคาวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม ออเดอร์ Hedging ก็ยังมีโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน
Hedging Auto Trade คือ ระบบอัตโนมัติที่จะทำให้ Hedging ทำงานเมื่อเข้ากำหนดเงื่อนไขที่ใส่ไว้ โดยกำหนดเงื่อนไขจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนก็คือ
*** LOT SIZE ในส่วนของ Hedging Auto จะกำหนดได้สูงสุดเพียงแค่ 100% เท่านั้น
ในส่วนของ Settings ของ EA Thailand จะเน้นการตั้งค่าเชิงลึก ที่ใช้งานควบคู่กับส่วนของ Auto Trade ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การเทรดที่สามารถเลือกได้ว่าจะเลือกแบบ Anti-Martingale / Martingale หรือ Zone recovery รวมไปถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ที่กำหนดการออกออเดอร์ หรือใช้ Indicator ต่าง ๆ เข้ามาเป็นค่ากำหนดในการออกออเดอร์ของ Auto Trade
นอกจากนี้ในส่วนของ Setting คุณยังสามารถโหลด Preset ของทาง EA Thailand มาใช้งานในการตั้งค่าตัวเลขต่าง ๆ ในช่อง และการตั้งค่า Indicator ให้พร้อมใช้งานได้ทันทีอีกด้วย
หน้า Dashboard ของ EA Thailand จะมีการตั้งค่าแสดงผลด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังต่อไปนี้
สำหรับเนื้อหาในส่วนนี้จะเน้นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเทรดของคุณให้เป็นแบบ Martingale หรือ Zone recovery เป็นหลัก ซึ่งสำหรับใครที่สนใจการใช้งาน Zone recovery สามารถกดเลื่อนปุ่มในส่วนของ “system” ตามรูปภาพด้านล่างนี้ได้เลย
*** เมื่อเปิดใช้งาน Zone recovery แล้ว Anti-Martingale / Martingale และ Trailing Stop จะไม่ทำงานทันที ถึงแม้จะมีการเปิดใช้งานบนหน้า Dashboard
โดยค่าต่าง ๆ ของการใช้ Zone recovery จะอยู่ในภาพด้านล่างนี้
เครื่องมือ EA Thailand ไม่เพียงแต่ช่วยเลือกกลยุทธ์การเทรดได้ แต่ยังสามารถตั้งเงื่อนไขการออกออเดอร์โดยใช้คำสั่ง “shift” เพื่อกำหนดช่วงเวลาที่ต้องรอก่อนการออกออเดอร์ตามแท่ง Timeframe(TF) ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ง่าย ๆ ดังนี้
*** คุณสามารถใส่ตัวเลขอื่น ๆ ในช่อง “shift” ได้ตามที่ต้องการแบบไม่จำกัด เช่น ถ้าใส่เลข 3 ระบบจะรอจนจบแท่ง TF ที่สามแล้วออกออเดอร์ ตัวเลขที่ตั้งจึงเป็นการกำหนดจำนวนแท่ง TF ที่จะต้องรอจบก่อน แล้วค่อยออกออเดอร์
Order Group Step คือ ระบบแก้ไมที่เป็นระดับขั้นตอน ที่สามารถกำหนดค่าต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยคุณสามารถเปิดใช้งานได้ในหน้า Setting แล้วปรับในส่วนของ False > True
การทำงานของ Order Group Step คือการเปิดออเดอร์และแก้ไม้ทั้งหมด 5 Step โดยในแต่ละ Step ผู้ใช้งานสามารถกำหนดระยะห่างสำหรับการแก้ไม้, ขนาดล็อตที่จะเพิ่ม (Multi-lot) และจำนวนออเดอร์ที่จะออกเพื่อแก้ไม้ได้ เมื่อดำเนินการครบในแต่ละ Step ระบบจะไปยัง Step ถัดไปเรื่อย ๆ จนถึง Step ที่ 5
โดยการตั้งค่าระบบแก้ไม้แบบ Order Group Step จะแบ่งได้เป็น 5 Step และรายละเอียดการตั้งค่าจะมีดังต่อไปนี้
*** เมื่อ Order Group Step ทำงานแล้ว ในส่วนของระยะถั่วไม้ และ Muti-Lot บนหน้า Dashboard นี้จะไม่สามารถใช้งานได้
EA Thailand สามารถใช้ Indicator ร่วมกับระบบ Auto Trade เพื่อช่วยกำหนดการเปิดออเดอร์ได้ คุณสามารถเข้ามาตั้งค่าได้ในหน้า Settings โดย Indicator ที่รองรับการใช้งานมีทั้งหมดดังนี้
RSI (Relative Strength Index)
Stochastic Oscillator
MACD (Moving Average Convergence Divergence
MA (Moving Average)
2MA Cross (Moving Average)
3 Moving Average Trend
HH-LL (Higher Highs & Lower Lows)
TCCI (Trend Continuation CCI)
โดยในการเปิดใช้งาน Indicator เพื่อเป็นตัวกำหนดในการออกออเดอร์ สามารถเข้ามาเปลี่ยนได้ในหน้า Settings โดยการเข้าไปเปลี่ยนค่า “false” ให้เป็น“true” ในบรรทัดด้านล่างของแต่ละรายการ Indicator
*** ค่าต่าง ๆ ใน Indicator เป็นค่ามาตรฐานที่ทางเราแนะนำ ซึ่งคุณสามารถปรับตั้งค่าตัวเลขต่าง ๆ ของ Indicator ได้ด้วยตัวเองได้
*** หากทำการเปิดใช้งาน Indicator เพื่อกำหนดออเดอร์มากกว่า 2 ตัว เงื่อนไขในการออกออเดอร์จะยากขึ้นกว่าเดิม เพราะเงื่อนไขต้องตรงกันทั้งหมด Auto Trade ถึงจะทำการออกออเดอร์ให้
สำหรับเทรดเดอร์ท่านใดที่ต้องการใช้งานสูตรการเทรดหรือ Preset จากทาง EA Thailand ต้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน
โดยการใช้งาน Preset จะมีดังต่อไปนี้
*** การโหลดใช้งาน Preset คุณสามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้เองตามสไตล์หรือความต้องการของแต่ละคน ซึ่งค่า Preset เป็นเพียงแค่ค่าเบื้องต้นให้พร้อมใช้งาน Auto Trade พื้นฐานได้ทันทีเท่านั้น
*** ในทุกครั้งที่มีการตั้งค่าต่าง ๆ ในหน้า Settings ควรกดปุ่ม “OK” เพื่อยืนยันให้เรียบร้อยด้วยเสมอ
การลงทุนในตลาด Forex และการใช้เครื่องมือเทรดอัตโนมัติ เช่น EA (Expert Advisor) มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การเทรด Forex เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของตลาดและการใช้เลเวอเรจ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนที่เกินกว่าเงินทุนเริ่มต้นของท่าน
EA Thailand ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการเครื่องมือเทรดอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจในการลงทุน โดย EA Thailand ไม่มีหน้าที่ในการให้คำแนะนำการลงทุนเฉพาะบุคคล ท่านควรพิจารณาความเหมาะสมของการใช้ EA กับวัตถุประสงค์ทางการเงิน สถานะทางการเงิน และระดับความเสี่ยงที่ท่านสามารถยอมรับได้ EA Thailand ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อผลการดำเนินงานใด ๆ ที่เกิดจากการใช้เครื่องมือของเรา ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ การสูญเสียเงินทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ในอนาคตได้
ข้อจำกัดความรับผิดชอบด้านกฎหมาย : การให้บริการเครื่องมือเทรดอัตโนมัติผ่าน EA Thailand ไม่มีการรับรองว่าผู้ใช้จะได้รับผลตอบแทนหรือผลกำไรใด ๆ จากการลงทุน การตัดสินใจลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนแต่เพียงผู้เดียว ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบก่อนการลงทุน และหากจำเป็น ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย
การใช้เลเวอเรจ : การใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex อาจเพิ่มทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุนสูงขึ้น ผู้ลงทุนควรใช้มาตรการป้องกันความเสี่ยง เช่น การตั้งค่า Stop Loss และการใช้ทุนที่ท่านสามารถยอมรับการสูญเสียได้ทั้งหมด การใช้เลเวอเรจที่สูงอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกคน
การรับผิดชอบส่วนบุคคล : EA Thailand ไม่รับผิดชอบต่อการขาดทุนหรือความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องมือของเรา โดยการใช้บริการของ EA Thailand ถือว่าผู้ใช้ยอมรับและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และยินยอมรับผิดชอบต่อการลงทุนของตนเองแต่เพียงผู้เดียว
คำแนะนำด้านการเงิน : ข้อมูลที่ให้ไว้ในเว็บไซต์นี้ไม่มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำในการลงทุน คำแนะนำทางการเงิน หรือข้อเสนอให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงินใด ๆ ผู้ลงทุนควรทำการวิจัยและศึกษาอย่างถี่ถ้วน และพิจารณาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน
© 2024 ea thailand