เส้น SMA คืออะไร ทำความรู้จักกับเครื่องมือพื้นฐานในการเทรด

เส้น SMA คืออะไร ทำความรู้จักกับเครื่องมือพื้นฐานในการเทรด
สารบัญ

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจในการเทรด นอกจากจะต้องทำความเข้าใจกราฟราคาและปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ในตลาดการเงินแล้ว การวิเคราะห์แนวโน้มของราคาในตลาดก็เป็นอีกสิ่งที่พลาดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งหนึ่งในเครื่องสุดพื้นฐานในการเทรดอย่าง เส้น SMA (Simple Moving Average) เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางเทคนิค (Indicator) ที่เทรดเดอร์หลาย ๆ คนรู้จักและเลือกใช้งานกันเป็นอย่างดี เพราะมันช่วยวิเคราะห์และทำให้มองเห็นภาพรวมของกราฟราคาได้ง่ายขึ้น

ซึ่งแน่นอนว่าในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเส้น SMA เครื่องมือทางเทคนิค (Indicator) พื้นฐานในการเทรดกันอย่างลึกซึ้งเลย ว่ามันคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร สามารถนำไปใช้ทำอะไรในการเทรดได้บ้าง รวมไปถึงข้อจำกัดในการใช้งานเครื่องมือตัวนี้อีกด้วย เพื่อให้คุณเข้าใจเครื่องมือตัวนี้อย่างแท้จริง และพร้อมนำไปใช้กับการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Simple moving average (SMA) คืออะไร

Simple moving average (SMA) คืออะไร

Simple moving average หรือ SMA คือ เครื่องมือทางเทคนิค (Indicator) เส้นค่าเฉลี่ยที่คำนวณมาจากราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มของตลาดได้อย่างชัดเจนผ่านข้อมูลราคาของสินทรัพย์ โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนในระยะสั้น ๆ เช่น

  • ถ้าคุณใช้เส้น SMA 10 เท่ากับว่าเส้น SMA นั้นจะนำราคาปิดของสินทรัพย์ใน 10 วันที่ผ่านมา มาคำนวณหาค่าเฉลี่ยและสร้างเส้นกราฟที่แสดงทิศทางราคา
ตัวอย่างการเคลื่อนที่ของเส้นค่าเฉลี่ย SMA

โดยเส้น SMA คือเส้นค่าเคลื่อนที่ MA (Moving Average) และเน้นการเคลื่อนไหวของราคาโดยรวม ซึ่งมีความแตกต่างกับเส้น EMA (Exponential Moving Average) ที่ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุดมากกว่าข้อมูลในอดีต

ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเส้น SMA มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการระบุเทรนด์ และเป็นแนวทางที่ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจซื้อ – ขายได้ง่ายขึ้น หากเส้น SMA มีทิศทางที่ขึ้น เทรดเดอร์จะมองว่าสินทรัพย์อยู่ในช่วงขาขึ้น (Bullish) และถ้าเส้น SMA มีทิศทางเคลื่อนที่ลงก็จะมองว่าเป็นขาลง (Bearish)

เข้าใจหลักการทำงานของเส้น SMA (สูตรการคำนวณ SMA)

เข้าใจหลักการทำงานของเส้น SMA (สูตรการคำนวณ SMA)

เส้น SMA ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากจนเกินความเข้าใจ ไม่ได้มีสูตรการคำนวณ หรือหลักการทำงานที่ซับซ้อน เพราะเส้น SMA จะถูกคำนวณจากราคาปิดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่คุณกำหนด เช่น SMA 5 = 5 วัน เป็นต้น โดยมีสูตรการคำนวณให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

SMA n

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการคำนวณเส้น SMA 5

  • คุณนำราคาปิดใน 5 วันล่าสุดมาบวกกัน เช่น (100 + 102 + 104 + 106 + 108) = 520
  • จากนั้นหารด้วย 5 เพื่อหาค่าเฉลี่ย: 520 ÷ 5 = 104

ค่าเฉลี่ยนี้จะถูกใช้เป็นจุดหนึ่งของเส้นกราฟ SMA หากทำการคำนวณค่าเฉลี่ยเช่นนี้ในแต่ละวัน เส้นกราฟ SMA จะถูกสร้างขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นวิธีช่วยให้คุณมองเห็นแนวโน้มราคาของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่เลือกได้

ทำไมเส้น SMA ถึงมีความสำคัญในการเทรด

การรู้จักและเข้าใจการใช้งานเส้น SMA (Simple Moving Average) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ เนื่องจากเส้น SMA เป็นหนึ่งใน Indicator ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ตลาด ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มและโอกาสในการทำกำไรได้ชัดเจนขึ้น และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเส้น SMA ถึงมีความสำคัญในการเทรด และเทรดเดอร์ควรรู้จัก

1. ช่วยระบุแนวโน้มของตลาด (Trend Identification)

หนึ่งในประโยชน์หลักของการใช้เส้น SMA คือความสามารถในการระบุแนวโน้มของราคาในระยะกลางถึงระยะยาวได้อย่างชัดเจน ผ่านค่าเฉลี่ยที่คำนวณจากราคาของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งการรู้แนวโน้มนี้จะช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดได้ง่ายขึ้น เทรดเดอร์สามารถใช้เส้น SMA เพื่อดูว่า

  • ขาขึ้น (Up trend): เมื่อเส้น SMA มีทิศทางขึ้นเรื่อย ๆ แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งหมายความว่าตลาดหรือสินทรัพย์นั้นมีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น
  • ขาลง (Down trend): ในทางกลับกัน หากเส้น SMA มีทิศทางลง ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าตลาดอยู่ในช่วงขาลงหรืออาจมีแนวโน้มที่ราคาจะลดลง

ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่นาย A ใช้เส้น SMA 200 (SMA ระยะยาว) ถ้าเส้นนี้มีทิศทางขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ซึ่งเทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดกำลังเป็นขาขึ้นเพื่อหวังทำกำไร หรือหากเป็นขาลงก็อาจเลือกที่จะขายออกเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน

2. ลดความผันผวนของตลาด (Reducing Market Noise)

ในตลาดที่มีความผันผวนสูง อย่าง ตลาด Forex การที่ราคามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรวดเร็วอาจทำให้เทรดเดอร์เสียโอกาสหรือทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ เส้น SMA สามารถช่วยกรองความผันผวนเหล่านี้ออกไป ทำให้คุณมองเห็นแนวโน้มของราคาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยปกติ ราคาสินทรัพย์มักมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นแรงซื้อขายที่มากเกินไปหรือข่าวเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิด “สัญญาณรบกวน” (Noise) ในตลาด เทรดเดอร์ที่ไม่มีประสบการณ์อาจสับสนกับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล่านี้ และทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ เส้น SMA จะช่วยกรองสัญญาณรบกวนเหล่านี้ออกไป โดยให้เทรดเดอร์มองที่ทิศทางเฉลี่ยของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้คุณเห็นภาพรวมของทิศทางที่แท้จริง

เช่น หากใช้เส้น SMA 50 จะช่วยให้คุณเห็นภาพใหญ่ของตลาดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องสนใจความผันผวนในระยะสั้น เพราะเส้น SMA จะให้ภาพทิศทางที่มั่นคงกว่าและมีความเป็นกลางมากกว่าเส้น SMA ที่มีระยะน้อยกว่า เช่น SMA 5/10

ความแตกต่างระหว่าง SMA และ EMA

ความแตกต่างระหว่าง SMA และ EMA

แม้มองผ่าน ๆ แล้ว เส้น SMA และ EMA จะมีความคล้ายใกล้เคียงกันทั้งในด้านของการเป็น Indicator เพื่อดูแนวโน้มของตลาด แล้วเครื่องมือสองตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร? แน่นอนให้ตอบง่าย ๆ เลยคือ

  • EMA จะให้ความสำคัญกับราคาปิดล่าสุดมากกว่า ในทางตรงกันข้าม SMA กลับให้ความสำคัญกับข้อมูลราคาภาพรวมแบบเท่ากันมากกว่า
  • EMA ให้ความสำคัญกับราคาปิดล่าสุดมากกว่า จึงทำให้เส้น EMA มีการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเส้น SMA

นี้จึงเป็นเหตุผลง่าย ๆ ให้เครื่องมือทั้งสองตัวมีความแตกต่างกัน แต่กลับมีการใช้งานที่คล้ายกัน เพราะทั้งสองเครื่องมือ ก็คือเส้นค่าเฉลี่ย MA (Moving Average) ที่จะมาช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด

ข้อจำกัดของเส้น SMA ที่เทรดเดอร์ควรรู้ก่อน

ถึงแม้ว่าเส้น SMA จะเป็น Indicator ที่ดูเรียบง่ายและน่าหยิบมาใช้งานมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่เทรดเดอร์ควรรู้ก่อนจะนำไปใช้งาน

  • การตอบสนองที่ช้ามาก: เมื่อเทียบกับเส้น EMA แล้วเส้น SMA จะมีการเคลื่อนไหวที่ช้ามา เนื่องจากมันคำนวณจากราคาย้อนหลัง และให้ความสำคัญกับข้อมูลทั้งหมด ทำให้มันตอบสนองช้าต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด ดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว เส้น SMA อาจจะตอบสนองต่อสัญญาณเหล่านี้ไม่ทันเท่า EMA
  • ไม่เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวน: ในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่าง ตลาด Forex เส้น SMA อาจไม่สามารถบอกสัญญาณได้ชัดเจนมากนัก เพราะราคามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากต้องการใช้งานเส้น SMA ควรควบคู่กับเครื่องมือวิเคราะห์ตัวอื่น ๆ เช่น RSI (Relative Strength Index) ที่ช่วยให้เทรดเดอร์มีข้อมูลมากขึ้นในการวิเคราะห์ความผันผวนและแนวโน้มของตลาด

กล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ เลยคือ เส้น SMA เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์อย่างมากในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดในระยะยาว แต่กลับไม่เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนสูง เพราะตัวเส้นมีการตอบสนองที่ช้าเกินไป และไม่สามารถบ่งบอกทิศทางอนาคตได้ชัดเจนขนาดนั้น การใช้งานเส้น SMA เพียงอย่างเดียว จึงอาจไม่เพียงพอในการตัดสินใจเทรดอย่างแม่นยำ ดังนั้นเทรดเดอร์ควรใช้เส้น SMA ร่วมกับ Indicator ตัวอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนเริ่มซื้อ – ขาย

บทสรุป

เส้น SMA หรือ Simple Moving Average เป็นหนึ่งใน Indicator พื้นฐานที่เทรดเดอร์ควรรู้จัก เพราะมันเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มาช่วยวิเคราะห์ให้กับเทรดเดอร์ได้แบบเรียบง่าย ไม่มีความซับซ้อนมากนัก ผ่านการกรองความผันผวนของราคาสินทรัพย์ ทำให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมและแนวโน้มของตลาดได้ชัดเจนมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคือเส้น SMA มีข้อจำกัดที่ชัดเจน เป็นตัวบ่งชี้ที่ตอบสนองช้า เนื่องจากใช้ข้อมูลราคาในอดีตทั้งหมด ดังนั้นการใช้งานเส้น SMA ควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีเจอตลาดที่มีความผันผวนสูง หรือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน (Side Way) การใช้เครื่องมือนี้เพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดสัญญาณหลอก และทำให้การตัดสินใจเทรดซื้อ-ขายผิดพลาดได้ การใช้ Indicator ตัวอื่น ๆ มาร่วมด้วย จะทำให้เทรดเดอร์มีข้อมูลครบถ้วนก่อนเริ่มเทรดได้

ซึ่งการเทรดเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ และความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเกี่ยวกับเรื่องการเงิน การเข้าใจข้อดีและข้อจำกัด รวมไปถึงข้อมูลพื้นฐานของเครื่องมือ จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จการเทรดได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ลงทะเบียนสัมมนา