เมื่อพูดถึงการเทรด หลายคนมักนึกถึงแต่การทำกำไรจากหุ้น ทองคำ หรือฟอเร็กซ์ (Forex) แต่หารู้ไม่ว่ามีสิ่งสำคัญหนึ่งที่ผู้เทรดขาดไม่ได้เลยในการเทรดก็คือ “เครื่องมือเทรด” หรือแพลตฟอร์มที่จะเป็นตัวกลางที่ช่วยเชื่อมโยงผู้เทรดและตลาดการเงิน และหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในวงการคือ MT4 (MetaTrader 4) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เทรดเดอร์มืออาชีพทั่วโลกไว้วางใจและเลือกใช้มาอย่างยาวนาน แม้ในปัจจุบันจะมีแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ MT4 ก็ยังคงครองใจเทรดเดอร์เป็นอันดับต้น ๆ
คำถามเลยคือ ทำไม MT4 ถึงยังคงเป็นที่นิยมท่ามกลางตัวเลือกมากมายหลากหลายขนาดนี้ ? เครื่องมือมีจุดเด่นอะไรที่ทำให้เทรดเดอร์มืออาชีพถึงหยิบเลือกมาใช้เสมอ ? ซึ่งในบทความครั้งนี้เราจะพาคุณไปสำรวจและทำความรู้จักกับ MT4 กัน ว่าทำไมมันถึงยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการเทรดจนถึงทุกวันนี้
MT4 คืออะไร
MetaTrader 4 หรือ MT4 เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2005 โดยบริษัท MetaQuotes แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ MT4 ยังคงเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่เทรดเดอร์ทั่วโลกเลือกใช้ด้วยความน่าเชื่อถือ ความเสถียร ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบจบ และยังเป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่เข้าถึงได้ ซึ่งปัจจุบัน MT4 สามารถเข้าถึงการใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Mac และ Windows รวมไปถึงแอปพลิเคชันบนมือถือทั้ง iOS และ Android ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงการเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
โดยเริ่มต้นแพลตฟอร์มนี้ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์สาย Forex เนื่องจากรองรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว MT4 ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ในกาเทรดสินทรัพย์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ดัชนี, สกุลเงินดิจิตอล, อนุพันธ์, ทองคำ, โลหะ, เงิน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ MT4 กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและตอบโจทย์เทรดเดอร์ในตลาดได้หลากหลายประเภท
ทำไม MT4 ถึงได้รับความนิยมทั่วโลก
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ MT4 เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเลยคือ “ความสามารถในการปรับแต่ง” ที่หลากหลาย เทรดเดอร์สามารถปรับแต่งอินเทอร์เฟช กราฟราคา และใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือ Indicator ได้ตามต้องการ และยังสามารถเพิ่ม Indicator เฉพาะตัว เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรดของแต่ละคนได้
ซึ่งอย่างไรก็ดีจุดเด่นเหล่านี้เครื่องมือเทรดใหม่ ๆ ก็เริ่มมีกันแล้ว แต่มีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นและทำให้เทรดเดอร์สนใจเลยคือ “การเทรดอัตโนมัติ (Automated Trading)” ซึ่งสามารถใช้โปรแกรม Expert Advisors (EA) เพื่อให้ระบบซื้อ – ขายอัตโนมัติแทนเทรดเดอร์ได้ตามที่ตั้งค่าเอาไว้ โดยเทรดเดอร์สามารถกำหนดพารามิเตอร์ต่าง ๆ เช่น จุดเข้าซื้อ – ขาย, การกันขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) ได้โดยไม่ต้องเฝ้าตลาดเอง
นอกจากนี้ MT4 ยังมาพร้อมกับระบบ “จัดการความเสี่ยง” ที่ช่วยปกป้องเงินทุนของเทรดเดอร์ เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน และเพิ่มโอกาสทำกำไรในการเทรด ทั้งหมดนี้ยังถูกดำเนินผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้ารหัส ทำให้เทรดเดอร์มั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะปลอดภัย ทำให้การเทรดเป็นไปได้ความราบรื่น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ MetaTrader 4 (MT4) ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่นักเทรดมืออาชีพเลือกใช้ ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง และการใช้งานที่เสถียร แม้ว่าจะมีแพลตฟอร์มใหม่อย่าง MetaTrader 5 (MT5) เปิดตัวแล้วให้ใช้งาน และมีอินเตอร์เฟชที่ดูทันสมัยมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยฐานผู้ใช้งานที่มั่นคงและความสามารถที่ตอบโจทย์ครบพอแล้ว ทำให้ MT4 ยังคงเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการเทรด
คุณสมบัติที่โดดเด่นของเครื่องมือ MT4
เมื่อรู้จักกับเครื่องมือเทรด MetaTrader 4 ไปแล้ว ทีนี้เรามาลองสำรวจคุณสมบัติของเครื่องมือตัวนี้กันเลยดีกว่า ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเทรดเดอร์ทั่วโลก
เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ (Indicator) ที่หลากหลาย
MetaTrader 4 มี เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ (Indicators) มากกว่า 50 ชนิดที่ถูกติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน โดยรองรับการใช้งาน 9 ช่วงเวลา (Timeframes) และยังสามารถ ตั้งค่าอินเทอร์เฟซได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของเทรดเดอร์แต่ละคน นอกจากนี้ MT4 ยังรองรับ 39 ภาษา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเทรดเดอร์ทั่วโลกที่ต้องการใช้แพลตฟอร์มในภาษาของตนเอง
การเข้าถึง และการใช้งานที่เรียบง่าย
MetaTrader 4 (MT4) สามารถ ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็น Demo Account (บัญชีทดลอง) หรือบัญชีเทรดจริง อินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วและไม่ซับซ้อน
รองรับการใช้งานที่หลากหลาย
MetaTrader 4 รองรับการใช้งานทั้งบนระบบปฏิบัติการ Mac และ Windows รวมถึงการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทั้ง iOS และ Android เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงการเทรดได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทำให้มีความสะดวกในการติดตามตลาดและทำการซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลา
ระบบจัดการความเสี่ยงที่เชื่อถือได้
MetaTrader 4 มีฟีเจอร์ การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการจัดการความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถกำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อจำกัดการสูญเสีย และตั้งเป้าหมายกำไร (Take Profit) เพื่อปิดการเทรดอัตโนมัติเมื่อมีกำไรถึงจุดที่ต้องการ ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ
เหตุผลที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้ MT4
แน่นอนว่านอกจากคุณสมบัติของเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สนใจในการใช้งานแล้ว ยังมีเหตุผลที่ทำให้เทรดเดอร์มืออาชีพทั่วโลกต่างเลือก และหยิบใช้งาน MT4 กันอีกด้วย มาลองดูเหตุผลที่ทำให้เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้กันเลย
MT 4 ใช้งานได้ฟรี
MetaTrader 4 สามารถ ดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ MT4 เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ แม้ว่าจะใช้เทรดในบัญชีทดลอง (Demo) หรือลงทุนจริง (Live Account) ก็ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมในการใช้งานแพลตฟอร์ม MT4 ทำให้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นเทรดในตลาดการเงิน
MT 4 มีความเสถียร ดูใช้งานได้ง่าย
MT4 มีระบบที่เสถียรอย่างมาก ทำให้เทรดเดอร์วางใจได้ว่าการส่งคำสั่ง (Order)ซื้อ – ขายจะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด หรือขัดข้องแต่อย่างใด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเทรดที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำ อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายของ MT4 ยังทำให้การใช้งานเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงเครื่องมือและฟังก์ชันต่าง ๆ ได้โดยไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด
เชื่อมต่อกับโบรกเกอร์หลายแห่ง
MT4 ยังเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับการสนับสนุนจากโบรกเกอร์หลายแห่งทั่วโลก โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ (Forex) ส่วนใหญ่เลือกใช้ MT4 เป็นแพลตฟอร์มหลักในการให้บริการลูกค้า ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มีความยืดหยุ่นในการเลือกโบรกเกอร์ที่ตรงกับความต้องการและกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง การเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์หลายแห่งยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขการซื้อ – ขายและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ต้องเจอ เพื่อเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวพวกเขาเองได้อีกด้วย
รองรับการปรับแต่ง และยืดหยุ่นในการเทรด
MT4 มีความสามารถในการปรับแต่งที่สูง เทรดเดอร์สามารถปรับแต่งอินเทอร์เฟซ กราฟ และเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (Indicator) ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว หรือการเพิ่ม Indicator เฉพาะตัว เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรด ด้วยความยืดหยุ่นนี้ทำให้ MT4 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ที่มีสไตล์การเทรดหลากหลาย ทั้งเทรดเดอร์ระยะสั้น (Scalper) หรือเทรดเดอร์ระยะยาว (Swing Trader)
รองรับ EA (Enterprise Architecture)
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ MT4 โดดเด่น และได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์มืออาชีพเลยคือการรองรับการ “เทรดอัตโนมัติด้วย Expert Advisors (EA)” ซึ่งเป็นระบบอัลกอริทึมที่สามารถตั้งค่าให้ทำการซื้อขายตามเงื่อนไขที่เทรดเดอร์กำหนดไว้ เทรดเดอร์สามารถปรับแต่ง EA ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างละเอียด EA ช่วยลดภาระของเทรดเดอร์ในการติดตามตลาดตลอดเวลา และเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการเทรดได้แบบต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอกราฟราคา
ข้อจำกัดของ MT4 ที่ควรรู้
แม้ว่า MetaTrader 4 (MT4) จะเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่เทรดเดอร์ควรทราบก่อนใช้งาน มาดูข้อจำกัดสำคัญของ MT4 กันว่ามีอะไรบ้าง
1.ข้อมูล Backtest มีคุณภาพไม่สูง : แม้ว่า MetaTrader 4 จะรองรับการทดสอบระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ผ่าน Backtest แต่คุณภาพของข้อมูลย้อนหลังที่ใช้นั้นมีความแม่นยำเพียง 90% ซึ่งอาจทำให้ผลการทดสอบแตกต่างจากการใช้งานจริง เทรดเดอร์ที่ต้องการความละเอียดในการทดสอบควรพิจารณาใช้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงกว่านี้
2.ความเร็วในการส่งคำสั่งยังไม่เหมาะกับ High-Frequency Trading : MetaTrader 4 มีความเร็วในการส่งคำสั่งที่เหมาะสมสำหรับการเทรดทั่วไป แต่สำหรับการเทรดที่ต้องการความเร็วสูงมาก เช่น High-Frequency Trading (HFT) อาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการส่งคำสั่งในระดับความเร็วสูงขนาดนั้น
3.กราฟราคาไม่สามารถปรับแต่ง Timeframe เองได้ : MetaTrader 4 มีช่วงเวลาให้เลือกใช้งานเพียง 9 แบบ เช่น รายนาที (M1 / M5 / M15 / M30), รายชั่วโมง ( H1 / H4), รายวัน (D1), รายสัปดาห์ (W1) และรายเดือน (MN) ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการปรับช่วงเวลาเพื่อการวิเคราะห์ที่ละเอียดและยืดหยุ่นมากขึ้น
4.รองรับสินทรัพย์ที่หลากหลายจำกัด : MetaTrader 4 รองรับการเทรดสินทรัพย์หลัก ๆ อย่าง Forex และ CFDs แต่ไม่รองรับสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้นหรือพันธบัตร ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มที่ใหม่กว่าอย่าง MetaTrader 5 (MT5) ที่รองรับสินทรัพย์เหล่านี้
บทสรุป
เมื่ออ่านถึงจุดนี้แล้ว คุณคงเข้าใจแล้วว่าทำไม MetaTrader 4 (MT4) ถึงเป็นเครื่องมือเทรดที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์มืออาชีพ เพราะมันมีความครบเครื่อง ทั้งในเรื่องการปรับแต่งที่ยืดหยุ่น ความเสถียรของระบบ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ MT4 ยังรองรับการเทรดอัตโนมัติด้วย Expert Advisors (EA) ซึ่งทำให้การเทรดเป็นไปตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้โดยไม่ต้องเฝ้าตลาดตลอดเวลา รวมถึงมีระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี ช่วยป้องกันการขาดทุน