เทรด Forex ต้องรู้อะไรบ้าง? บทเรียนสำคัญที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนลงสนามจริง

เทรด Forex ต้องรู้อะไรบ้าง?
สารบัญ

ตลาด Forex เป็นตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยโอกาสทำกำไรสูงและการเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถึงแม้การเทรดอาจดูเหมือนง่าย แต่คุณพร้อมรับความเสี่ยงแล้วหรือยัง? เพราะการเทรด Forex นั้นมีทั้งโอกาสและความท้าทายมากมายรออยู่ในทุกสภาวะของตลาดแบบเกินคาดเดา และก่อนที่คุณจะเริ่มลงสนามจริง เราบอกเลยว่ามีหลายสิ่งที่มือใหม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยว่าอะไรบ้างที่เป็นบทเรียนสำคัญที่คุณต้องรู้ก่อนก้าวเข้าสู่โลกการเทรด Forex

เทรด Forex 1-3

1. ความเสี่ยงที่รอคุณอยู่ในตลาด Forex

Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง และไม่มีอะไรแน่นอน การขาดทุนอาจเกิดขึ้นได้ในพริบตา ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญที่มือใหม่ต้องรู้และหลีกเลี่ยงไปไม่ได้ โดยในหมวดของความเสี่ยงเราอยากให้คุณได้รู้เรื่องนี้

1.1 Leverage เครื่องมือทรงพลังที่เสมือนดาบสองคม

ลองจินตนาการว่าคุณมีเงินอยู่ 1,000 USD แล้วโบรกเกอร์ให้ยืมเงินอีก 99,000 USD รวมเป็น 100,000 USD เพื่อทำการเทรด นี่อาจฟังดูดีใช่ไหม? เพราะจะทำให้เรานั้นสามารถเปิดสถานะที่ใหญ่กว่าที่คุณมีเงินทุนอยู่หลายเท่าได้ แต่… ถ้าเกิดคุณขาดทุน 1% ของสถานะนั้น ก็หมายถึงเงินของคุณจะหายไปถึง 1,000 USD หรือเท่ากับ 100% ของเงินทุนที่คุณมีเลยทีเดียว ดังนั้น Leverage จึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน ซึ่งวิธีรับมือก็คือ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้ Leverage ที่ต่ำเข้าไว้ เพื่อให้ความเสี่ยงไม่บานปลาย กล้าบอกได้เลยว่ามือใหม่ที่ไม่เข้าใจ ผิดพลาดเรื่องนี้กันมาเยอะมากเชียวล่ะ

1.2 ความผันผวนของตลาด (Market Volatility)

ตลาด Forex เปิดทำการ 24 ชั่วโมง และมีช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหวสูง เช่น ช่วงเวลาที่ตลาดนิวยอร์กและลอนดอนเปิดพร้อมกัน ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่วินาที บางครั้งแค่การประกาศข่าวทางเศรษฐกิจ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ก็อาจทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้นักเทรดจำเป็นที่จะต้องติดตามข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าและหลีกเลี่ยงการเปิดสถานะในช่วงที่มีความผันผวนสูง

1.3 ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk)

ตลาด Forex โดยทั่วไปมีสภาพคล่องสูง หมายถึงมีการซื้อขายตลอดเวลา แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดอื่นปิดทำการ (เช่น ตลาดนิวยอร์กปิดและตลาดเอเชียยังไม่เปิด) การซื้อขายอาจมี Volume น้อยทำให้ราคาขยับได้แบบคาดเดายาก สถานการณ์นี้อาจทำให้นักเทรดไม่สามารถปิดสถานะในราคาที่ต้องการได้ ทางออกคือให้เลือกเปิดสถานะในช่วงเวลาที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวมากหรือเป็นการคาบเกี่ยวระหว่างการเปิดของตลาด 2 แห่ง เช่น ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายมากที่สุดก็จะทำให้เราสามารถเห็นราคาวิ่งได้ในทิศทางที่ชัดเจน

2. จัดการความเสี่ยงกับเงินในกระเป๋าของคุณเอง

การจัดการความเสี่ยงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดมืออาชีพสามารถทำกำไรและรักษาเงินทุนของตนได้ ถ้าคุณเรียนรู้วิธีการจัดการความเสี่ยงให้ดี ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการขาดทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว คราวนี้มาดูกันว่าเทคนิคอะไรบ้างที่นักเทรดมืออาชีพใช้และคุณสามารถนำไปใช้ได้ในทุกการเทรด

2.1  Stop-Loss จุดป้องกันการขาดทุนที่ทุกคนควรใช้

หากคุณกำลังเปิดสถานะซื้อ (Buy) เพราะคุณคาดหวังว่าราคาจะขึ้น แต่ตลาดกลับเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม ยิ่งถ้าคุณไม่มี Stop-Loss ที่ชัดเจนคุณก็อาจต้องรอจนกว่าราคาจะกลับมา แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกครั้งที่ราคาจะกลับขึ้นมาเสมอ ทำให้ Stop-Loss จะช่วยให้คุณปิดการเทรดโดยอัตโนมัติเมื่อขาดทุนถึงจุดที่คุณกำหนดไว้ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอย่างมากทีเดียว

2.2 การคำนวณขนาดการเทรด (Lot Size)

ขนาดการเทรด (Lot Size) ย่อมมีผลโดยตรงกับความเสี่ยงของคุณ ถ้าตอนนี้เราเปิดออเดอร์ที่มีขนาดใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับเงินทุนในบัญชี การขาดทุนเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับพอร์ตของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีบัญชีขนาดเล็กแต่เปิดออเดอร์ 1 lot การเคลื่อนไหวของราคาเพียง 10 pips อาจทำให้ขาดทุนหลายร้อยเหรียญได้ ทำให้การใช้กฎที่เรียกว่า “Risk Percentage” จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผน นอกจากนี้ คุณสามารถคำนวณขนาดการเทรดได้โดยใช้เครื่องมือ Position Size Calculator เพื่อดูขนาดการลงทุนที่เหมาะสมได้เช่นกัน

2.3 ใช้เงินเย็นในการลงทุน

การลงทุนในตลาด Forex ล้วนมาพร้อมกับความเสี่ยงที่คุณต้องยอมรับให้ได้ ความผิดพลาดในการเทรดอาจทำให้คุณสูญเสียเงินได้ในพริบตา ดังนั้น ควรใช้เฉพาะ “เงินเย็น” หรือเงินที่ไม่กระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน กฎนี้เป็นกฎพื้นฐานที่นักเทรดมืออาชีพปฏิบัติกันเสมอ โดยให้คุณแบ่งเงินทุนที่คุณมีออกเป็นส่วน ๆ และใช้เฉพาะส่วนที่เป็นเงินเย็นในการเทรด แล้วพยายามหลีกเลี่ยงการเทรดด้วยเงินที่เป็นเงินกู้ยืมหรือเงินที่จำเป็นต่อค่าใช้จ่าย เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น เราอยากให้ตระหนักไว้เสมอว่า แม้การทำเงินกับตลาด Forex จะช่วยให้ร่ำรวยได้ในพริบตา แต่การหมดตัวเองก็เช่นกัน

3. เชื่อในแผนการเทรดที่ถูกต้องสำหรับเรา

การวางแผนการเทรดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดสามารถดำเนินการในตลาดที่ผันผวนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ ความแตกต่างระหว่างนักเทรดมือใหม่และมือโปรอยู่ที่การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด ทำให้บางครั้งการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดหรือควรไปต่อ จะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้วิธีการทำกำไรที่เหมาะสมได้

3.1 ทำไมถึงต้องมีแผนการเทรดที่ชัดเจน

การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เราได้รู้ว่าเราควรจะเอาชนะอย่างไรในสภาวะตลาดต่างๆ แน่นอนว่าตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูงและมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อราคา การวางแผนช่วยให้คุณมีแนวทางและไม่ถูกอารมณ์เข้ามาครอบงำ เพราะการเทรดโดยไม่มีแผนเหมือนการเดินทางโดยไม่มีแผนที่ ซึ่งอาจทำให้คุณหลงทางและสูญเงินไปโดยหาตัวชี้วัดไม่ได้ว่าเราแพ้เพราะอะไร อีกทั้งการมีแผนจะทำให้คุณวางระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Management) ช่วยป้องกันการขาดทุนเกินควบคุม ทำให้สามารถควบคุมการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

3.2 กำหนดจุดเข้า-ออก อย่างสมเหตุสมผล 

การรู้ว่าจะเข้าตลาดเมื่อไหร่ (Entry Point) และออกเมื่อไหร่ (Exit Point) เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การกำหนดจุดเข้า-ออกเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร การไม่มีแผนอาจทำให้นักเทรดต้องตัดสินใจตามอารมณ์ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุน ด้วยเหตุนี้แล้วเราจึงต้องใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) หรือการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) เพื่อกำหนดจุดเข้า-ออก เช่น การดูแนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance) หรือการใช้เครื่องมืออย่าง Fibonacci Retracement เพื่อหาจุดที่มีโอกาสเข้า-ออกได้อย่างเหมาะสม หรืออื่นๆ ตามกลยุทธ์

3.3 การทำตามแผนอย่างเคร่งครัด

ในข้อนี้เราอยากให้คุณลองนึกถึงนักเทรดมืออาชีพที่มีแผนการเทรดชัดเจน พวกเขาจะไม่เปิดสถานะเพิ่มเติมหากยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนตามที่กำหนดไว้ในแผน พวกเขารู้ว่าการตัดสินใจตามอารมณ์สามารถทำให้ขาดทุนได้ การทบทวนแผนการเทรดเป็นประจำและปรับเปลี่ยนตามสภาพตลาด แต่ต้องไม่ให้ความรู้สึกเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ แม้จะดูเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมือใหม่ แต่เรายืนยันได้เลยว่าคุณจะหาวิธีการที่ใช่ได้จากสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการรับมือความผิดพลาด เมื่อมีมากขึ้นก็จะทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นด้วยเช่นกัน

เทรด Forex 4-5

4. ฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนใช้เงินจริง

ถ้าเป็นไปได้ นักลงทุนทุกคนก็ไม่อยากเสียเงินไปโดยใช้เหตุ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ควรทำคือฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อสร้างความมั่นใจและทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนจริง บัญชี Demo เป็นเสมือนห้องทดลองที่ปลอดภัยที่นักเทรดมือใหม่สามารถใช้เพื่อหากลุยทธ์สำหรับตัวเองได้ โดยเราอยากให้ดูดังนี้

4.1 ใช้ห้อง Demo เพื่อฝึกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง

บัญชี Demo เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยในการทดลองกลยุทธ์ต่าง ๆ โดยไม่มีความเสี่ยงในการเสียเงินจริง ทำให้คุณสามารถทดลองกลยุทธ์ใหม่ ๆ หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เดิมให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การเทรดรายวัน (Day Trading) หรือการเทรดระยะยาว (Swing Trading) ซึ่งจะช่วยให้คุณค้นพบสิ่งสไตล์ที่ใช่สำหรับตัวเอง

4.2 การศึกษาการวิเคราะห์ตลาดจากบัญชี Demo

การศึกษาการวิเคราะห์ตลาการใช้บัญชี Demo ยังช่วยให้คุณได้ฝึกฝนการวิเคราะห์ตลาด ทั้งการอ่านกราฟและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น การใช้กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) และการระบุแนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance) รวมถึงการใช้อินดิเคเตอร์ต่าง ๆ นอกจากนี้ คุณยังสามารถฝึกการวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจและข้อมูลพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เช่น การติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยหรือรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อตลาด Forex เพื่อดูว่าคุณสามารถปรับแผนการเทรดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดได้หรือไม่ นี่คือเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่

5. การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีช่วยให้คุณปลอดภัยขึ้น

การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดสามารถเทรดได้อย่างปลอดภัย เพราะโบรกเกอร์ที่ดีจะเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทีมที่คอยสนับสนุนและปกป้องคุณจากความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น มาดูกันว่าควรพิจารณาอะไรบ้างในการเลือกโบรกเกอร์

5.1 เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น CySEC (ไซปรัส), FCA (สหราชอาณาจักร) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าการดำเนินการของโบรกเกอร์เป็นไปตามมาตรฐานและกฎระเบียบที่เข้มงวด ควรตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีใบอนุญาตที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่กำกับก่อนเปิดบัญชีเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการคุ้มครองในกรณีที่เกิดปัญหา

5.2 ค่าธรรมเนียมและสเปรด

โบรกเกอร์ที่ดีควรมีค่าธรรมเนียมที่โปร่งใสและไม่ซับซ้อน ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ไม่มีค่าธรรมเนียมซ่อนเร้น เช่น ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน หรือค่าบริการพิเศษอื่น ๆ ที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจะช่วยลดต้นทุนในการเทรด ซึ่งสำคัญมากสำหรับนักเทรดที่เทรดเป็นประจำหรือเทรดในปริมาณมาก เพราะค่าธรรมเนียมเหล่านี้สามารถสะสมและส่งผลกระทบต่อกำไรได้ในระยะยาว

บทสรุป: คุณพร้อมรับมือกับความเสี่ยงและลงสนามจริงหรือยัง?

การจะประสบความสำเร็จในโลกของการเทรด Forex ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากคุณมีการเตรียมตัวและเรียนรู้ที่ดีพอ การศึกษา การฝึกฝน และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ คือรากฐานสำคัญที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว เรียกได้ว่า “การเทรด Forex เป็นมากกว่าการซื้อขายสกุลเงิน มันคือการเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองและความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ”

หากคุณสามารถจัดการอารมณ์และวางแผนได้อย่างรัดกุม การเทรด Forex ก็จะไม่ใช่แค่การเสี่ยงโชค แต่เป็นการลงทุนที่มีแบบแผนและเป็นไปตามหลักการที่คุณสร้างขึ้นเอง และเมื่อยิ่งคุณเก็บประสบการณ์ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การลงทุนของคุณมีความเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น

ลงทะเบียนสัมมนา